ลดการเปิดตู้เย็นโดยไม่จำเป็นเพราะค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตามการเปิด
- ลดการเปิดตู้เย็นค้างไว้เป็นเวลานานๆ
- ไม่นำของร้อนหรือยังอุ่นๆอยู่แช่ตู้เย็นเพราะจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักเปลืองไฟ ควรรอให้เย็นก่อนค่อยนำเข้าตู้เย็น
- ไม่ควรนำของเข้าไปแช่ในตู้เย็นจนแน่นเกินไปเพราะจะทำให้ความเย็นใหลเวียนไม่สะดวก
- ไม่ควรตั้งตู้เย็นไว้ใกล้แหล่งที่ให้ความร้อน เช่นหม้อหุงข้าว เตาแก๊ส หรือถูกแสงอาทิตย์เพราะตู้เย็นจะระบายความร้อนได้ไม่ดีและเปลืองไฟฟ้า
- ควรตั้งอุณภูมิภายในตู้เย็นประมาณ 3-6 องศาเซลเซียส ในช่องฟีสควรปรับตั้งอุณภูมิไว้ที่ -15 ถึง -18 องศาเซลเซียส
- หมั่นละลายน้ำแข็งอย่าปล่อยให้น้ำแข็งเกาะมากเกินไป
- ควรตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังและด้านข้างอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพื่อการระบายความร้อนได้ดี และสามารถช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ถึงร้อยละ 39 เลยทีเดียว
- ควรเลือกขนาดตู้เย็นให้เหมาะกับขนาดครอบครัว
- เลือกตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
- ตรวจสอบยางขอบประตูตู้เย็นโดยเสียบกระดาษระหว่างขอบยางแล้วปิดประตูตู้เย็น ถ้ากระดาษสามารถเลื่อนขึ้นลงได้แสดงว่าขอบยางประตูเสื่อมควรเปลี่ยนขอบยางใหม่เพราะไม่เช่นนั้นคอมเพลสเซอร์จะทำงานหนักทำให้เปลืองไฟฟ้า
energy worlds
...save energies save the world...
วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
แนวทางการลดค่าไฟฟ้าสำหรับตู้เย็น
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
แนวทางการลดค่าไฟฟ้าสำหรับโทรทัศน์
- เลิกเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้โดยไม่มีคนดู เปิดทิ้งไว้วันละ 1 ชั่วโมง พร้อมกัน 1 ล้านเครื่อง(21 นิ้ว 110 วัตต์) สิ้นเปลืองค่าไฟเดือนละ 9.9 ล้านบาท*
- เลิกปรับหน้าจอให้สว่างเกินความจำเป็นเพราะเป็นการเปลืองไฟโดยใช่เหตุและอายุของหลอดภาพสั้น
- เลิกเปิดโทรทัศน์หลายเครื่องเพื่อที่จะดูรายการเดียวกัน(สำรับบ้านที่มีหลายเครื่อง)
- เลิกเปิดโทรทัศน์ล่วงหน้าเพื่อรอดูรายการที่ชอบ ควรเปิดเมื่อถึงเวลาที่ออกอากาศ
- เลิกปิดโทรทัศด้วยรีโมทคอนโทรลเพราะยังมีส่วนที่ใช้ไฟฟ้าทำงานอยู่ทำให้เปลืองไฟ ควรปิดสวิตช์ที่ตัวเครื่องเพื่อการประหยัด
- เลิกเปิดโทรทัศน์โดยที่ยังมีการต่อพ่วงกับสายเครื่องเล่นวีดีโอ เพราะจะมีไฟฟ้าบางส่วนจ่ายไปที่เครื่องเล่นวีดีโอด้วยทำให้สิ้นเปลือง
- เลือกซื้อโทรทัศน์ขนาดให้เหมาะสมกับความจำเป็น ขนาดใหญ่กินไฟมากกว่าขนาดเล็ก
- เลือกซื้อโทรทัศน์แบบมีโหมดการตั้งเวลาปิดอัตโนมัติ
วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
รับสมัครผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้รับผิดชอบ ด้านพลังงานสามัญ/อาวุโส
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh37Idby8cNMKKCHd6EslIFQTTYzSGTUHhDoHLAyXw5lANjGOZpOrwMF0144gs1JgF7NnhOJ-Fgwvn849PhJFoOHz0X79Gk6e4K8gn1MSJAQD6Qs-OJGzsljnyDumj_TPcgyo6ubiW7Lr25/s320/Logo-PP.jpg)
ดังนั้น จึงขอแจ้งให้เจ้าของอาคาร/โรงงานควบคุม จัดส่งใบสมัครเข้าอบรมในหลักสูตรดังกล่าวได้ที่ สำนักพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ (บริเวณเทคโนธานี) ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 โทรศัพท์ 0 2577 7035-41 โทรสาร 0 2577 7047 หรือ www2.dede.go.th/bhrd
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.dede.go.th/dede/index.php?id=1043
วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
รู้หรือไม่แค่ปิดหน้าจอคอมก็ช่วยชาติประหยัดพลังงานได้........
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqoOcR9XQ7AVLged06Milu13MDNTmnz1ycS0xS_ie6tgvbu-E-0T214zMkQppvS_mfl-T5Lp56iSzZ0VM8pRDAdiIKyiFXOouE2aA65eFR4Sptk67wHQiv1Zx47jyl1ubUGi-hWRQrVtvb/s200/PC.jpg)
แม้คอมพิวเตอร์อย่างเช่นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ PC นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าจะใช้กำลังไฟฟ้าอยู่ประมาณ 100 - 200 วัตต์ซึ่งอาจจะมองว่าน้อยแต่เมื่อมีคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องรวมกันและถูกเปิดใช้งานเป็นระยะเวลานานๆนั้นก็ถือว่าใช้พลังงานไปมหาศาลทีเดียวและการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นก็ใช่ว่าจะทำงานตลอดเวลา อาจจะมีช่วงที่ไม่ได้ใช้งานถูกเปิดทิ้งไว้บ้าง แล้วเราจะมีวิธีอย่างไรล่ะที่จะลดการสูญเสียในช่วงดังกล่าวได้โดยที่ไม่กระทบต่อการทำงานของเรา....
คุณรู้หรือไม่ว่าคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะที่เราใช้อยู่ใช้กำลังไฟฟ้าไปเท่าไร?
โดยทั่วไปแล้วคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ PC ในปัจจุบันนี้จะใช้กำลังไฟฟ้าอยู่ประมาณ 100 - 200 วัตต์ ซึ่งในแต่ละชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์นั้นก็จะใช้กำลังไฟฟ้าแตกต่างกันดังแสดงในตารางด้านล่าง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiS_HOx0G0jGmi4hfexUtyM7vkCwznuRF-AcbvgBsqUKZKpHIWbCBjTn6hokbmEn26g4mZ41q7KWOh1oPjoTqgS4WcJ3YkpcNg1yMGubtluPFDEz-QLR2lkLhWPUdmwD6IVkTffxteEWfhe/s400/PC-use-Power.png)
จากตารางการใช้พลังงานไฟฟ้าของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ PC ด้านบนจะสังเกตุเห็นว่าส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดนั่นก็คือ จอมอนิเตอร์ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 25-50 ของพลังงานที่คอมพิวเตอร์ใช้ทั้งหมดเลยทีเดียว
แนวทางการประหยัดพลังงานกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ PC
1.
2. ไม่เปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ เมื่อไม่ได้ใช้งานเพราะจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
3. ปิดเครื่องและถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้
4. ปิดหน้าจอเมื่อไม่ได้ใช้งานนานกว่า 15 นาที
5. พึงระลึกไว้เสมอว่าสกรีนเซฟเวอร์ไม่ใช่ซอฟ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgMrdDqaP3qCWLvpgNbSrvMJyxpT3S2N4eYRLaLC5nxnewpg_CFEHAz_nGjLokud9CJsXQf8S2BdTKIzn1k1mp3VVImm2xiCCOpKtA9aVzkkvqeDthD6RQskKH-b7hXYumIPnKZAMFH88Jh/s200/green+energystar.png)
6. เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบประหยัดพลังงานแสดงโดยเครื่องหมาย Energy Star จะช่วยลดการใช้พลังงานลงสูงสุดถึงร้อยล่ะ 55 เลยทีเดียว
เครื่องหมาย Energy Star โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา (US.EPA) ได้กำหนดมาตรฐานในเรื่องการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์หลาก หลายประเภท รวมทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขึ้นมาตรฐานนี้เป็นที่ยอมรับและถูกใช้งานอย่าง แพร่หลายในวงการอุตสาหกรรม
ซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ต้องมีเครื่องหมาย Energy Star
เป็นที่ทราบกันว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีเครื่องหมาย Energy Star นั้นสามารถช่วยลดการใช้พลังงานของคอมพิวเตอร์ลงได้ถึงร้อยล่ะ 55 เลยทีเดียว ซึ่งสำคัญอย่างไรเรามาดูกัน
หากคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะเดิมที่เราใช้งานอยู่นั้นใช้กำลังไฟฟ้าอยู่ประมาณ 150 วัตต์ แต่หากเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีเครื่องหมาย Energy Star จะใช้พลังงานประมาณ 67.5 วัตต์ ประหยัดไฟฟ้าไปถึง 82.5 วัตต์ ซึ่งอาจจะดูไม่มากแต่ถ้าหากในองกรณ์หรือหน่วยงานของคุณมีคอมพิวเตอร์อยู่ 100 เครื่อง จะประหยัดไปได้ 8.25 กิโลวัตต์ สมมติว่าองกรณ์หรือบริษัทเราทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน และทำงานประมาณ 300 วันต่อปี จะประหยัดค่าพลังงานไฟฟ้าไปได้ถึง 19,800 กิโลวัตต์ต่อปีและหากเราเสียค่าไฟฟ้าอยู่ประมาณหน่วยล่ะ 3 บาท ดังนั้นเราจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของพลังงานไฟฟ้ากับคอมพิวเตอร์ไปได้ถึง 59,400 บาท ซึ่งถือว่าเยอะทีเดียวกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
พลังงานแบ่งเป็นกี่ประเภท
เราอาจสามารถจำแนกประเภทของพลังงานตามแหล่งที่มาได้ 2 ประเภท คือ
พลังงานต้นกำเนิด(Primary energy) ยังสามารถแบ่งได้อีก 2 ชนิด คือ
- พลังงานต้นกำเนิด(Primary energy) คือ พลังงานในรูปแบบของทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ไม้ฟืน แกลบ น้ำ น้ำมัน ถ่านหิน แก๊สธรรมชาติ พลังงานใต้พื้นพิภพ แร่ยูเรเนียม ลม แสงอาทิตย์ เป็นต้น
- พลังงานแปรรูป(Secondary energy) คือ พลังงานที่ได้จากการแปรเปลี่ยนหรือนำเอาพลังงานต้นกำเนิดนั้นมาแปรรูปเป็นพลังงานรูปแบบต่างๆตามที่ต้องการ เช่น พลังงานไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ปิโตเลียม แก๊สธรรมชาติ เป็นต้น
พลังงานต้นกำเนิด(Primary energy) ยังสามารถแบ่งได้อีก 2 ชนิด คือ
- พลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือพลังงานหมุนเวียน(Renewable energy) เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม พลังงานคลื่น(น้ำ) พลังงานชีวมวล พวกเศษไม้ฟืน แกรบ ชานอ้อย พลังงานความร้อนใต้พื้นภิภพ พลังงานน้ำเป็นต้น
- พลังงานที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือใช้แล้วหมดไป(Non-renewable energy) เช่น เชื้อเพลิงจากฟอสซิล ถ่านหิน แร่ยูเรเนียม น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งพลังงานเหล่านี้มากกว่าร้อยล่ะ 80 เป็นพลังงานที่เราใช้ในทุกวัน
วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ประกาศรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh3zDUnWh-EmMc89AQ10vkaIT-JbL0he7vbJFB66AseWFbqvqNKlxD1Vkcs7FFIzHMCMujndE_HMkBN5ladLcy70l-irBRT51Hf42lrFAaDSVfnmBkZtupQpspA4GvLB6tjhbeUcHSXgJ-T/s200/EDCOLogo.png)
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานกระทรวงพลังงาน(พ.พ.)ร่วมกับ บริษัท เอ็นเนอร์ยี ดีไซน์ คอนเซปท์ จำกัด ได้ประกาศรับสมัครผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมและอาคาร ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (กลุ่มภาคกลางตอนบน) เข้าร่วม"โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม"เพื่อรับสิทธิประโยชน์ด้านอนุรักษ์พลังงาน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น อ่านเพิ่มเติม...
วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
พลังงานคืออะไร??
หลายๆคนอาจจะสงสัยและอยากจะรู้ว่าพลังงานคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรกับมนุษย์เรา และวิกฤติที่เกิดขึ้นกับพลังงานปัจจุบันนี้จะส่งผลกระทบอย่าไรกับเราบ้าง รอบรู้เรื่องพลังงานหัวข้อนี้จะได้อธิบายให้คุณได้เข้าใจว่าพลังงานนั้นคืออะไร และมีความสำคัญกับมนุษย์อย่างไรบ้าง
"พลังงาน"(Energy) หมายถึง ความสามารถในการทำงานหรือทำให้เกิดงาน(The ability to do work) ผลการทำงานของแรงนั้นทำให้วัตถุหรือสิ่งใดๆเคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหว พลังงานนั้นสามารถจัดเก็บไว้ได้ พลังงานไม่สามารถถูกทำลายได้แต่สามารถเปลี่ยนแปลงจากรูปหนึ่งไปเป็นอีกรูปหนึ่งได้ เช่น พลังงานแสงไปเป็นพลังงานไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลหรือพลังงานความร้อนเป็นต้น
มนุษย์เรารู้จักกับพลังงานและนำพลังงานมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองเมื่อประมาณเกือบๆล้านปีมาแล้วและพลังงานที่ใช้และคนพบยุคแรกคือพลังงานจาก"ไฟ" โดยที่มนุษย์โบราณนำมาใช้ในการให้ความอบอุ่นกับตัวเองและในการหุงหาอาหาร ป้องกันสัตว์ร้ายและในยุคต่อๆมาประมาณพันกว่าปีก่อนชาวอียิปต์ได้เรียนรู้ที่จะประยุกต์เอาพลังงานลมมาใช้ในการเดินเรือซึ่งก็เป็นที่มาของใบพัดเรือและกังหันวิดน้ำพลังงานลม ต่อมาสักประมาณสองร้อยกว่าปีก็มีการคนพบพลังงานรูปแบบต่างมากมายไม่ว่าจะเป็นพลังงานไฟฟ้า พลังงานจากน้ำมัน พลังงานน้ำพลังงานกล
ปัจจุบันนี้พลังงานถือได้ว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์เราอย่างมากและจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเมื่อโลกมีการพัฒนามากขึ้น กอรปกับการที่ประชากรของโลกเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนทำให้ความต้องการพลังงานมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากและมีแนวโน้มที่สูงขึ้นในทุกๆปี และด้วยที่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้เองรูปแบบของพลังงานและแหล่งพลังงานก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงรูปแบบไป เช่นแต่ก่อนนิยมใช้น้ำมันเป็นหลักแต่เมื่อปริมาณน้ำมันของโลกลดลงทำให้เราหันมาให้ความสำคัญและใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานจากเชื้อเพลิงชีวมวล เป็นต้น
ประเทศไทยเราซึ่งถือว่ามีทรัพยากรธรรมชาติอยู่พอสมควรแต่ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้เป็นแหล่งพลังงานนั้นอาจจะมีน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้พลังงานหรือเชื้อเพลิงบางอย่างไทยจำเป็นที่จะต้องนำเข้าพลังงานเหล่านี้จากต่างประเทศ เช่น น้ำมัน เป็นต้น และเมื่อโลกเกิดวิกฤติของพลังงานทำให้ไทยเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่โดนไปด้วย......
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6NBz-wpNBv4joXywXaZLAOIeXbgvoOA7cRkrff54U2DpDwpfCD81KR9eNXKeVT-JDQX1h5xfskeBotobdy06_8SS5tHSMFtTwLUxXcDmLNTKi9Zu06jqZS-4rHqjtn_XlcZAJ66WygUQg/s200/energy_1.png)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgFh8BKV3R1R1tj5o7SHHu9H0rjnjV4bcvCE-FCqswqGRBxYB8mEb0OdQ_eoIsigtPLR6-_8t3H8-iC3ne3M-ey_GnMkGzrS55yBWYZFzN6Y1iWpsVIRPOi16jiF25xXXKa9o2rJT-1jOsz/s320/fire.png)
ปัจจุบันนี้พลังงานถือได้ว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์เราอย่างมากและจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเมื่อโลกมีการพัฒนามากขึ้น กอรปกับการที่ประชากรของโลกเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนทำให้ความต้องการพลังงานมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากและมีแนวโน้มที่สูงขึ้นในทุกๆปี และด้วยที่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้เองรูปแบบของพลังงานและแหล่งพลังงานก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงรูปแบบไป เช่นแต่ก่อนนิยมใช้น้ำมันเป็นหลักแต่เมื่อปริมาณน้ำมันของโลกลดลงทำให้เราหันมาให้ความสำคัญและใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานจากเชื้อเพลิงชีวมวล เป็นต้น
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhwsYodXmxeaDMHglX18NUHy8mi0oV3p4P3dC24NLBSo5Nb_3hkJ2Uck2pPXjbJanLw2F0JWca36iNWDw5G2gfjmH_EHD0owwOvbR3qQzlUwbkm_kcamtDle3IN2T3q7Lrdpl4Tr-t1X395/s200/oil.jpg)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)