วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รับสมัครผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้รับผิดชอบ ด้านพลังงานสามัญ/อาวุโส

ข่าวดีสำหรับเจ้าของอาคาร/โรงงานควบคุมที่พลาดโอกาสส่งพนักงานเข้าอบรมใน หลักสูตร ผู้รับผิดชอบด้านพลังงานสามัญ (อาคารหรือโรงงาน) และหลักสูตร ผู้รับผิดชอบด้านพลังงานอาวุโส ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ (หลักสูตรไฟฟ้าและความร้อน) ประจำปีงบประมาณ 2552 ขณะนี้ สำนักพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านพลังงาน (สพบ.) กำลังพิจารณาจัดให้มีการฝึกอบรมในหลักสูตรดังกล่าว ประจำปีงบประมาณ 2553 ในเร็วๆ นี้

ดังนั้น จึงขอแจ้งให้เจ้าของอาคาร/โรงงานควบคุม จัดส่งใบสมัครเข้าอบรมในหลักสูตรดังกล่าวได้ที่ สำนักพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ (บริเวณเทคโนธานี) ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 โทรศัพท์ 0 2577 7035-41 โทรสาร 0 2577 7047 หรือ www2.dede.go.th/bhrd

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.dede.go.th/dede/index.php?id=1043


วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รู้หรือไม่แค่ปิดหน้าจอคอมก็ช่วยชาติประหยัดพลังงานได้........

ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีต่างๆของโลกเราได้มีการพัฒนาไปสู่ระบบที่เป็นดิจิตอลเต็มตัวขึ้นและคอมพิวเตอร์ก็เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นจากที่มีใช้เฉพาะในองค์กรใหญ่ๆหรือหน่วยงานของรัฐเท่านั้นปัจจุบันแทบจะพูดได้ว่าคอมพิวเตอร์ได้เข้าไปมีส่วนในเกือบทุกครัวเรือนด้วยซ้ำ และด้วยปัจจุบันนี้ราคาคอมพิวเตอร์ต่อเครื่องไม่ได้แพงมากมายเหมือนเมื่อหลายปีก่อนทำให้จำนวนของคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นมากในช่วงปีหลังๆนี้ และสิ่งที่เพิ่มตามมากับการเพิ่มขึ้นของจำนวนคอมพิวเตอร์นั่นก็คือพลังงานไฟฟ้าที่ถูกใช้เพิ่มมากขึ้นด้วย

แม้คอมพิวเตอร์อย่างเช่นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ PC นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าจะใช้กำลังไฟฟ้าอยู่ประมาณ 100 - 200 วัตต์ซึ่งอาจจะมองว่าน้อยแต่เมื่อมีคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องรวมกันและถูกเปิดใช้งานเป็นระยะเวลานานๆนั้นก็ถือว่าใช้พลังงานไปมหาศาลทีเดียวและการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นก็ใช่ว่าจะทำงานตลอดเวลา อาจจะมีช่วงที่ไม่ได้ใช้งานถูกเปิดทิ้งไว้บ้าง แล้วเราจะมีวิธีอย่างไรล่ะที่จะลดการสูญเสียในช่วงดังกล่าวได้โดยที่ไม่กระทบต่อการทำงานของเรา....


คุณรู้หรือไม่ว่าคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะที่เราใช้อยู่ใช้กำลังไฟฟ้าไปเท่าไร?

โดยทั่วไปแล้วคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ PC ในปัจจุบันนี้จะใช้กำลังไฟฟ้าอยู่ประมาณ 100 - 200 วัตต์ ซึ่งในแต่ละชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์นั้นก็จะใช้กำลังไฟฟ้าแตกต่างกันดังแสดงในตารางด้านล่า



จากตารางการใช้พลังงานไฟฟ้าของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ PC ด้านบนจะสังเกตุเห็นว่าส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดนั่นก็คือ จอมอนิเตอร์ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 25-50 ของพลังงานที่คอมพิวเตอร์ใช้ทั้งหมดเลยทีเดียว

แนวทางการประหยัดพลังงานกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ PC


1. เลือกใช้คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับความต้องการ
2. ไม่เปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ เมื่อไม่ได้ใช้งานเพราะจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
3. ปิดเครื่องและถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้
4. ปิดหน้าจอเมื่อไม่ได้ใช้งานนานกว่า 15 นาที
5. พึงระลึกไว้เสมอว่าสกรีนเซฟเวอร์ไม่ใช่ซอฟแวร์ช่วยประหยัดพลังงาน
6. เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบประหยัดพลังงานแสดงโดยเครื่องหมาย Energy Star จะช่วยลดการใช้พลังงานลงสูงสุดถึงร้อยล่ะ 55 เลยทีเดียว


เครื่องหมาย Energy Star โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา (US.EPA) ได้กำหนดมาตรฐานในเรื่องการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์หลาก หลายประเภท รวมทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขึ้นมาตรฐานนี้เป็นที่ยอมรับและถูกใช้งานอย่าง แพร่หลายในวงการอุตสาหกรรม

ซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ต้องมีเครื่องหมาย Energy Star

เป็นที่ทราบกันว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีเครื่องหมาย Energy Star นั้นสามารถช่วยลดการใช้พลังงานของคอมพิวเตอร์ลงได้ถึงร้อยล่ะ 55 เลยทีเดียว ซึ่งสำคัญอย่างไรเรามาดูกัน

หากคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะเดิมที่เราใช้งานอยู่นั้นใช้กำลังไฟฟ้าอยู่ประมาณ 150 วัตต์ แต่หากเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีเครื่องหมาย
Energy Star จะใช้พลังงานประมาณ 67.5 วัตต์ ประหยัดไฟฟ้าไปถึง 82.5 วัตต์ ซึ่งอาจจะดูไม่มากแต่ถ้าหากในองกรณ์หรือหน่วยงานของคุณมีคอมพิวเตอร์อยู่ 100 เครื่อง จะประหยัดไปได้ 8.25 กิโลวัตต์ สมมติว่าองกรณ์หรือบริษัทเราทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน และทำงานประมาณ 300 วันต่อปี จะประหยัดค่าพลังงานไฟฟ้าไปได้ถึง 19,800 กิโลวัตต์ต่อปีและหากเราเสียค่าไฟฟ้าอยู่ประมาณหน่วยล่ะ 3 บาท ดังนั้นเราจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของพลังงานไฟฟ้ากับคอมพิวเตอร์ไปได้ถึง 59,400 บาท ซึ่งถือว่าเยอะทีเดียวกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พลังงานแบ่งเป็นกี่ประเภท

เราอาจสามารถจำแนกประเภทของพลังงานตามแหล่งที่มาได้ 2 ประเภท คือ
  1. พลังงานต้นกำเนิด(Primary energy) คือ พลังงานในรูปแบบของทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ไม้ฟืน แกลบ น้ำ น้ำมัน ถ่านหิน แก๊สธรรมชาติ พลังงานใต้พื้นพิภพ แร่ยูเรเนียม ลม แสงอาทิตย์ เป็นต้น
  2. พลังงานแปรรูป(Secondary energy) คือ พลังงานที่ได้จากการแปรเปลี่ยนหรือนำเอาพลังงานต้นกำเนิดนั้นมาแปรรูปเป็นพลังงานรูปแบบต่างๆตามที่ต้องการ เช่น พลังงานไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ปิโตเลียม แก๊สธรรมชาติ เป็นต้น

พลังงานต้นกำเนิด(Primary energy) ยังสามารถแบ่งได้อีก 2 ชนิด คือ
  • พลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือพลังงานหมุนเวียน(Renewable energy) เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม พลังงานคลื่น(น้ำ) พลังงานชีวมวล พวกเศษไม้ฟืน แกรบ ชานอ้อย พลังงานความร้อนใต้พื้นภิภพ พลังงานน้ำเป็นต้น
  • พลังงานที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือใช้แล้วหมดไป(Non-renewable energy) เช่น เชื้อเพลิงจากฟอสซิล ถ่านหิน แร่ยูเรเนียม น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งพลังงานเหล่านี้มากกว่าร้อยล่ะ 80 เป็นพลังงานที่เราใช้ในทุกวัน

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ประกาศรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม





กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานกระทรวงพลังงาน(พ.พ.)ร่วมกับ บริษัท เอ็นเนอร์ยี ดีไซน์ คอนเซปท์ จำกัด ได้ประกาศรับสมัครผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมและอาคาร ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (กลุ่มภาคกลางตอนบน) เข้าร่วม"โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม"เพื่อรับสิทธิประโยชน์ด้านอนุรักษ์พลังงาน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น อ่านเพิ่มเติม...

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พลังงานคืออะไร??

หลายๆคนอาจจะสงสัยและอยากจะรู้ว่าพลังงานคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรกับมนุษย์เรา และวิกฤติที่เกิดขึ้นกับพลังงานปัจจุบันนี้จะส่งผลกระทบอย่าไรกับเราบ้าง รอบรู้เรื่องพลังงานหัวข้อนี้จะได้อธิบายให้คุณได้เข้าใจว่าพลังงานนั้นคืออะไร และมีความสำคัญกับมนุษย์อย่างไรบ้าง

"พลังงาน"(Energy) หมายถึง ความสามารถในการทำงานหรือทำให้เกิดงาน(The ability to do work) ผลการทำงานของแรงนั้นทำให้วัตถุหรือสิ่งใดๆเคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหว พลังงานนั้นสามารถจัดเก็บไว้ได้ พลังงานไม่สามารถถูกทำลายได้แต่สามารถเปลี่ยนแปลงจากรูปหนึ่งไปเป็นอีกรูปหนึ่งได้ เช่น พลังงานแสงไปเป็นพลังงานไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลหรือพลังงานความร้อนเป็นต้น


มนุษย์เรารู้จักกับพลังงานและนำพลังงานมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองเมื่อประมาณเกือบๆล้านปีมาแล้วและพลังงานที่ใช้และคนพบยุคแรกคือพลังงานจาก"ไฟ" โดยที่มนุษย์โบราณนำมาใช้ในการให้ความอบอุ่นกับตัวเองและในการหุงหาอาหาร ป้องกันสัตว์ร้ายและในยุคต่อๆมาประมาณพันกว่าปีก่อนชาวอียิปต์ได้เรียนรู้ที่จะประยุกต์เอาพลังงานลมมาใช้ในการเดินเรือซึ่งก็เป็นที่มาของใบพัดเรือและกังหันวิดน้ำพลังงานลม ต่อมาสักประมาณสองร้อยกว่าปีก็มีการคนพบพลังงานรูปแบบต่างมากมายไม่ว่าจะเป็นพลังงานไฟฟ้า พลังงานจากน้ำมัน พลังงานน้ำพลังงานกล

ปัจจุบันนี้พลังงานถือได้ว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์เราอย่างมากและจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเมื่อโลกมีการพัฒนามากขึ้น กอรปกับการที่ประชากรของโลกเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนทำให้ความต้องการพลังงานมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากและมีแนวโน้มที่สูงขึ้นในทุกๆปี และด้วยที่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้เองรูปแบบของพลังงานและแหล่งพลังงานก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงรูปแบบไป เช่นแต่ก่อนนิยมใช้น้ำมันเป็นหลักแต่เมื่อปริมาณน้ำมันของโลกลดลงทำให้เราหันมาให้ความสำคัญและใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานจากเชื้อเพลิงชีวมวล เป็นต้น

ประเทศไทยเราซึ่งถือว่ามีทรัพยากรธรรมชาติอยู่พอสมควรแต่ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้เป็นแหล่งพลังงานนั้นอาจจะมีน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้พลังงานหรือเชื้อเพลิงบางอย่างไทยจำเป็นที่จะต้องนำเข้าพลังงานเหล่านี้จากต่างประเทศ เช่น น้ำมัน เป็นต้น และเมื่อโลกเกิดวิกฤติของพลังงานทำให้ไทยเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่โดนไปด้วย......

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การเลือก BTU แอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าแอร์(Air Condition)หรือเครื่องปรับอากาศนั้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยในการปรับสภาพอากาศให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัยซึ่งอาจจะปรับอุณภูมิให้ต่ำลงหรือสูงขึ้นแล้วแต่ความเหมาะสมกับสภาพภูมิศาสตร์ภูมิประเทศโดยถ้าเป็นการปรับอุณภูมิให้สูงขึ้นเราจะเรียกว่า ฮีตเตอร์(Heater) แต่สำหรับไทยเรานั้นจะใช้ปรับให้อุณภูมิต่ำลงเพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน และนอกจากจะปรับตั้งแอร์จะใช้ปรับตั้งอุณภูมิแล้วยังต้องมีการควบคุมปริมาณความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ความเร็วลมกลิ่นและสิ่งเจือปนในอากาศด้วย
เนื่องจากปัจจุบันนี้ปัญหาโลกร้อนทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปีและประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศที่มีอากาศร้อนชื้นเกือบตลอดทั้งปีร้อนเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้แอร์ถูกซื้อมาติดตั้งเพิ่มมากขึ้นในอาคารต่างๆและที่อยู่อาศัย แล้วเราจะมีวิธีการในการเลือกแอร์ที่จะนำมาติดตั้งอย่างไรล่ะถึงจะเหมาะสมและช่วยเราประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายด้วย

ก่อนอื่นเรามารู้จักกับ BTU ของแอร์กันก่อนว่าคืออะไร
BTU(British Thermal Unit) ที่ใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศนั้นเป็นหน่วยความร้อน โดยเราจะได้ยินว่า แอร์ 1 ตัน แอร์ 2 ตัน นั้นคำว่า "ตัน" นั้นหมายถึง "ตันความเย็น" ซึ่งเป็นประสิทธิภาพในการทำความเย็น ที่เรียกว่า “ตันความเย็น” มีที่มาจากการทำให้ น้ำ เป็น น้ำแข็ง ปริมาณ 1 ตัน (หรือ 2,000 ปอนด์) ใน 1 วัน นั่นเอง


แล้วทำไมเราจะต้องเลือก BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับห้องด้วยล่ะ?

  • BTU สูงเกินไป คอมเพรสเซอร์ของแอร์จะทำงานตัดต่อบ่อย ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง ทำให้ความชื้นในห้องสูงไม่สบายตัว แพงและสิ้นเปลืองพลังงาน
  • BTU ต่ำเกินไป คอมเพรสเซอร์ของแอร์จะทำงานตลอดเวลา เพราะความเย็นของห้องไม่ได้ตามอุุณภูมิที่ตั้งไว้ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานและแอร์เสียเร็ว

ขนาดห้องของเราจะติดแอร์กี่ BTU ดีถึงจะเหมาะสม

เราสามารถคำนวนหา BTU ได้จากสูตร


โดยตัวแปรมี 2 ค่าที่ใช้คือ

700 = ห้องที่มีความร้อนน้อยไม่ค่อยโดนแสงแดดหรือใช้เฉพาะตอนกลางคืน
800 = ห้องที่มีความร้อนสูงโดนแสงแดดมากหรือใช้ตอนกลางวันมาก
กรณีที่ห้องมีความสูงมากกว่า 2.5 เมตรให้บวกเพิ่ม 5%


ปัจจัยที่เราจะต้องพิจารณาเพิ่มเติม

1. จำนวนและขนาดของหน้าต่าง
2. ทิศทางของแดดและที่ตั้งของห้อง
3. วัสดุหลังคาว่ามีฉนวนกันความร้อนไหม
4. จำนวนคนที่ใช้ห้อง
5. อุปกรณ์ภายในห้องกั้นทางแอร์หรือไม่
6. เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องที่ก่อให้เกิดความร้อน เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เตารีด คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

เราสามารถเลือก BTU ให้เหมาะกับห้องได้ดังตารางต่อไปนี้



ที่มา :
- http://www.roi8.com/
- http://air2home.com/
- http://th.wikipedia.org/

Energy worlds'blog

พลังงาน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตและเป็นปัจจัยที่ทำให้ประเทศมีการพัฒนาขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้า น้ำ น้ำมัน ฯลฯ เนื่องจากพลังงานเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ดังนั้นการจัดหาให้ได้ซึ่งพลังงานมา และการนำพลังงานไปใช้ ล้วนแต่ต้องอาศัยการลงทุนปริมาณมหาศาลซึ่งก็เป็นภาระที่สำคัญของรัฐบาลที่จะต้องวางแผนในการดำเนินงานอย่างรอบคอบในการดำเนินการจัดหาและลงทุน

นอกจากในส่วนของภาครัฐบาลที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้แล้ว ภาคประชาชน ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมของประเทศที่ต้องใช้พลังงานเหล่านี้ ก็มีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าพลังงานเหล่านี้ด้วยเช่นกันทำให้ต้นทุนในการแข่งขันสูงขึ้นด้วยและเนื่องจากโลกปัจจุบันการแข่งขันกันทางธุรกิจมีการแข่งขันกันสูง มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆเพิ่มมากขึ้น ทำให้การใช้พลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้นในทุกๆปี ดังนั้นการลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าพลังงานจึงเป็นความสำคัญลำดับต้นๆที่จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในทางธุรกิจและอื่นๆมากขึ้นด้วย

Energy worlds เว็บบล็อกที่รวบรวมสารพันสาระเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานในหลายๆรูปแบบ บทความต่างๆเกี่ยวกับพลังงานซึ่งบางอย่างคุณอาจจะรู้อยู่แล้ว รู้มาบ้าง หรือไม่เคยรู้มาก่อนเลย และบางอย่างอาจจะเป็นสิ่งหรือปัญหาเล็กน้อยซึ่งคุณอาจจะมองข้ามแต่เมื่อมันสุมรวมกันเยอะเข้ามันอาจจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากมาย และสิ่งเหล่านี้เองที่ energy worlds จะช่วยทำให้คุณเข้าใจพร้อมกับมองเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นและได้ตระหนักว่าทรัพยากรหรือพลังงานเหล่านี้แม้จะเพียงน้อยนิดหากเราคิดก่อนใช้ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเราได้เยอะทีเดียวและยังช่วยประเทศได้อีกแรงด้วย